โดย nattagret | ก.พ. 15, 2024 | ข่าวสาร
แนวทางการดำเนินการจัดทำเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity : CI) Certificate of Identity : CI)
ณ ศูนย์บริหารจัดการการทำงานของแรงงานเมียนมาแบบเบ็ดเสร็จตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3ตุลาคม 2566
ที่มา https://www.doe.go.th/prd/alien/news/param/site/152/cat/7/sub/0/pull/detail/view/detail/object_id/79133
โดย nattagret | ธ.ค. 25, 2023 | ข่าวสาร
รมว.แรงงาน “พิพัฒน์” ประชุมบอร์ด ป.ป.ส. บูรณาการทุกภาคส่วนแก้ปัญหายาเสพติดในกลุ่มแรงงาน
วันที่ 22 ธันวาคม 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (คณะกรรมการ ป.ป.ส.) ครั้งที่ 4/2566 โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการ ป.ป.ส. เรือเอก สาโรจน์ คมคาย ที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นไปตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด และตั้งเป้าหมายว่าจะลดปัญหายาเสพติดให้ได้อย่างมีนัยยะภายในระยะเวลา 1 ปี โดยในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าว ภายใต้การดำเนินโครงการ 3 โครงการ คือ 1. โครงการส่งเสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มแรงงาน ของสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน ได้แก่ โครงการอาสาสมัครแรงงานต้านภัยยาเสพติด (สตป.) โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ (TO BE NUMBER ONE) และสนับสนุนให้กรมสุขภาพจิตในงาน TO BE NUMBER ONE 2.โครงการสร้างภูมิคุ้มกันให้แรงงานห่างไกลยาเสพติด ของกรมการจัดหางาน ซึ่งมีเป้าหมายดำเนินโครงการครั้งแรกในปี งบประมาณ 2567 จำนวน 662,500 คน และ 3. โครงการส่งเสริมระบบการจัดการด้านยาเสพติดในสถานประกอบการ ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้แก่ โครงการส่งเสริมระบบการจัดการด้านยาเสพติดในสถานประกอบการ (มยส./โรงงานสีขาว) ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา เราได้ทำให้แรงงานมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน 759,692 คน มยส.จำนวน 773 แห่ง โรงงานสีขาว จำนวน 1,361 แห่ง และโครงการส่งเสริมการจัดการป้องกันและป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในกลุ่มแรงงานนอกระบบ
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการ ยังได้เร่งจัดศูนย์ฝึกอาชีพ พัฒนาบุคลากร เพื่อให้ความรู้เรื่องยาเสพติด ไม่ให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนยุ่งเกี่ยวกับวงจรยาเสพติดด้วย
นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาล และกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเชื่อมโยงผลกระทบถึงพี่น้องแรงงานไทยทุกคน ซึ่งหากสามารถแก้ไขปัญหาได้ เราจะสามารถลดความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างมาก
ที่มา https://www.mol.go.th/news/
โดย nattagret | ธ.ค. 22, 2023 | ข่าวสาร
วันที่ 20 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายรองศาสตราจารย์นายแพทย์เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการดำเนินงาน และการบริหารจัดการในการบูรณาการจัดระบบบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ระหว่างสำนักงานประกันสังคมและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง ) นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนาม นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงกับนายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม ผู้บริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมผู้แทนสถานพยาบาล เข้าร่วมพิธี ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม และกระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีภารกิจหน้าที่ต้องขับเคลื่อนการสร้างหลักประกันด้านสุขภาพให้กับคนไทย “เน้นการป้องกันดีกว่าการรักษา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยืนยาว” โดยในปี 2566 สำนักงานประกันสังคมได้ดำเนินการผลักดันการขับเคลื่อนงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้แก่ผู้ประกันตน โครงการค้นหาความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดในพื้นที่เป้าหมายนำร่อง จำนวน 13 จังหวัด มีผู้ประกันตนเข้าร่วมโครงการ 277,654 คน และในส่วนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ให้ความสำคัญกับวัยทำงานจึงได้กำหนดให้การส่งเสริมสุขภาพเป็นรายการบริการพื้นฐาน
นายพิพัฒน์ รมว.แรงงาน กล่าวต่อไปว่า ในวันนี้เป็นโอกาสอันดียิ่งที่สำนักงานประกันสังคมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มาร่วมทำบันทึกความร่วมมือการดำเนินงานและบริหารจัดการบูรณาการจัดระบบส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม โดยความร่วมมือดังกล่าวเป็นการลดค่าใช้จ่ายในภาพรวมด้านการสาธารณสุขไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพื่อให้ประชาชนชาวไทยทุกสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานด้วยกันทุกคน ที่สำคัญคือผู้ประกันตนจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมที่นอกเหนือจากรายการตรวจพื้นฐาน เช่น การทำงานของไต Cr การตรวจปัสสาวะ Ua เอ็กซเรย์ปอด ผ่านระบบบริหารจัดการมาตรฐานการรักษาหนึ่งเดียวที่เป็นเลิศ
ด้าน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมมุ่งมั่นพัฒนาสิทธิประโยชน์ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้ผู้ประกันตนมีสุขภาพที่ดี เน้นหลักการ “ป้องกันดีกว่ารักษา” สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกันตนในการเข้าถึงบริการรักษาที่มีมาตรฐานตลอดมา สำหรับการดำเนินงานในปี 2567 เป็นต้นไป สำนักงานประกันสังคมพร้อมบูรณาการร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจสำคัญในการจัดบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชาชนคนไทยทุกสิทธิ ผู้ประกันตนสามารถเข้ารับบริการใน
สถานพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนเรื่องส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพและสำนักงานประกันกันคมทั่วประเทศ ซึ่งจะส่งผลทำให้วัยทำงานมีสุขภาพดี มีคุณภาพชีวิตที่ยืนยาวและลดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ โดยบูรณาการงานด้านบริการทางการแพทย์อย่างเหมาะสม เท่าเทียม มีคุณภาพ อันจะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
โดย nattagret | ธ.ค. 22, 2023 | ข่าวสาร
วันที่ 20 ธันวาคม 2566 เวลา 13.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (อกบร.) ครั้งที่ 1/2566 โดยมี นายวรรณรัตน์ ศรีสุขใส รองปลัดกระทรวงแรงงาน นางโสภา เกียรตินิรชา ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน
สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณา (ร่าง) คู่มือ “มาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) การตรวจคัดกรองเบื้องต้นเพื่อหาข้อบ่งชี้/พฤติการณ์ ที่อาจเป็นผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน” ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 6/1 ฉบับปรับปรุง และการปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการป้องกันการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (ร่าง) คู่มือ “มาตรฐานการปฏิบัติงาน (SOP) และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 6/1 ฉบับปรับปรุง รวมถึงการปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการป้องกันการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังได้หารือในที่ประชุมเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เพื่อให้ประเทศไทยสถานะดีขึ้นจากเดิมที่อยู่ในระดับเทียร์ 2
ที่มา https://www.mol.go.th/news/
โดย nattagret | ธ.ค. 22, 2023 | ข่าวสาร
มติคณะกรรมการค่าจ้าง ยืนยันผลอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2567 ตามมติคณะกรรมการค่าจ้างเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 คือ ขึ้นสูงสุด 370 บาท ที่ภูเก็ต ต่ำสุดอยู่ที่ 330 บาท จ.นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ 363 บาท
วันที่ 20 ธันวาคม 2566 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 เพื่อทบทวนการกำหนดอัตราค่าจ้าง ปี 2567 ว่า การประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ในวันนี้ ได้นำข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมาประกอบการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2567 แล้ว ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยึดตามมติคณะกรรมการค่าจ้างเดิม เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2566 เนื่องจากสูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่คณะกรรมการค่าจ้างใช้ในการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 เป็นสูตรที่คณะกรรมการค่าจ้างได้มีมติเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการฯจังหวัดทุกจังหวัดใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งเป็นการพิจารณาด้วยเหตุและผลบนข้อมูลเศรษฐกิจปัจจุบัน จึงเห็นควรให้ปรับอัตราค่าจ้างด้วยความเหมาะสมและความเป็นจริง และเป็นการพิจารณาอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค เป็นธรรม และน่าเชื่อถือโดยให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราวันละ 2-16 บาท (เฉลี่ยร้อยละ 2.37) แบ่งเป็น 17 อัตรา โดยมีอัตราสูงสุดในจังหวัดภูเก็ต คือวันละ370 บาท และอัตราต่ำสุดในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา คือวันละ 330 บาท
“สำหรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนั้น คณะกรรมการค่าจ้างจะนำไปใช้ประกอบการพิจารณาปรับปรุงสูตรในการกำหนดอัตราค่าจ้างใหม่ ซึ่งเป็นการปรับสูตรในรอบ 6 ปี ซึ่งวันที่ 17 มกราคม 2567 จะลงนามแต่งตั้งอนุกรรมการปรับสูตรคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ส่วนการปรับค่าจ้างครั้งที่ 2 นั้นจะเป็นช่วงใด จะต้องดูตามเวลาดำเนินงาน พร้อมกับดูว่าจะมีไตรภาคีเสนอเรื่องนี้มาหรือไม่ และเมื่อได้สูตรใหม่แล้วจะเรียกประชุมบอร์ดค่าจ้างใหม่อีกครั้ง แต่ตอนนี้ใช้ตามมติเดิมไปก่อน อย่างไรก็ตาม ผมจะพยายามทำเต็มที่ และโดยเร็วที่สุด โดยคิดว่าในช่วงปี 2567 จะได้สูตรการคิดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ซึ่งเราจะพิจารณาในประเภทกิจการเป็นสำคัญ เช่น การท่องเที่ยว บริการ ซึ่งอาจเป็นประเด็นหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาปรับสูตร โดยจะรีบนำเข้าครม.ในอาทิตย์หน้า เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็วที่สุด และให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ” นายไพโรจน์ ฯ กล่าว
นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ในการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2567 ที่ประชุมได้พิจารณากำหนดบนพื้นฐานของความเสมอภาคและการหารือของแต่ละจังหวัด และการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้เป็นการปรับเพื่อให้แรงงานทั่วไปแรกเข้าทำงาน สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามสมควรแก่มาตรฐานการครองชีพ สภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งเหมาะสมตามความสามารถของธุรกิจในท้องถิ่นนั้น โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความเสมอภาค และรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อให้นายจ้าง/ลูกจ้าง สามารถประกอบธุรกิจและดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข
ที่มา https://www.mol.go.th/news/